มาร์ค ฟร็อกกัตต์ จาก ManUtd.com ได้เขียนถึง เนมานย่า วิดิช และ ปาทริซ เอฟร่า ซึ่งผ่านมาครบ 10 ปีพอดี นับตั้งแต่ที่ทั้งคู่ได้ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2006
ความท้าทายของการขยับตัวช่วงเปิดตลาดซื้อขายเดือนมกราคมก็คือจะหานักเตะระดับเวิลด์คลาสในราคาที่เหมาะสมได้อย่างไร นั่นดูห่างไกลจากคำว่าง่ายมาก บางทีมันอาจเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จะมีใครกันที่อยากขายนักเตะที่ดีที่สุดออกไประหว่างฤดูกาล ซึ่งนั่นจะส่งผลถึงโมเมนตั้มที่ผ่านมาจากครึ่งฤดูกาลแรกไม่น้อยเลยทีเดียว คำตอบก็คือไม่มีใครอยากขาย นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมค่าตัวนักเตะจึงถูกตั้งเอาไว้สูงมาก นั่นบอกเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาไม่ต้องการขาย และส่วนใหญ่แล้วมันก็ได้ผล
เมื่อคุณพิจารณาถึงพรีเมียร์ ลีกที่คาดเดาได้ยากในฤดูกาลนี้ ทีมอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ซึ่งกำลังไปได้สวยคงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขายนักเตะคนสำคัญอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ ออกจากทีมไป ทั้งที่มีความสนใจเป็นอย่างสูงจากหลายสโมสร แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงจะมีใครว่าพวกเขาได้ล่ะ? นั่นเป็นเพราะสโมสรชั้นนำทุกวันนี้มีการใช้เงินกันแบบสุรุ่ยสุร่ายกว่าแต่ก่อน และมันก็ส่งผลดีโดยตรงต่อสโมสรเล็กที่จะได้รับเงินเข้ามาจุนเจือสโมสร
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีแมวมองที่ดี และอยู่ในช่วงเวลาที่ลงตัว บางทีคุณอาจจะค้นพบเพชรเม็ดงามในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงนี้ก็ได้ เหมือนอย่างที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ทำเอาไว้เมื่อเดือนมกราคมของปี 2006 กองหลังโนเนม 2 คนได้เดินทางมายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างเหนือความคาดหมาย
ถูกต้อง 10 ปีต่อมา เนมานย่า วิดิช (ย้ายมาเมื่อ 5 มกราคม) และ ปาทริซ เอฟร่า (ย้ายมาเมื่อ 10 มกราคม) ได้กลายเป็นนักเตะระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะคว้าแชมป์มาครองได้มากมายเท่านั้น แต่พวกเขายังได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของแฟนๆ ส่วนใหญ่อีกด้วย ทั้งคู่ย้ายเข้ามาด้วยค่าตัวที่ไม่ได้แพงเลย วิดิชมาพร้อมกับป้ายราคา 7 ล้านปอนด์ ขณะที่เอฟร่าถูกกว่านั้นอีกด้วยค่าตัวแค่ 5 ล้านปอนด์เท่านั้น การซื้อตัวครั้งนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหนน่ะเหรอ? ลองเอาไปเทียบกับคู่หูในแนวรับอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ดูก็ได้ ย้อนไป 4 ปีก่อนหน้านั้น สโมสรจำเป็นต้องทุ่มเงินถึง 29.1 ล้านปอนด์เลยทีเดียวในการดึงตัวเขาเข้ามาร่วมทีม
ทั้งคู่มีบุคลิกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง วิดิชเป็นคนที่ดูเอาจริงเอาจัง พร้อมที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ในสนาม ดูได้จากร่องรอยที่จมูกของเขาก็ได้ ขณะที่เอฟร่านั้นเป็นคนที่มีชีวิตชีวา มาพร้อมกับความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม รวมแล้วทั้ง 2 คนได้ลงเล่นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปทั้งหมด 679 เกม ในช่วงเวลาหนึ่งที่ทางสโมสรกวาดแชมป์มาครองได้นับไม่ถ้วน แน่นอนเลยว่าพวกเขาคือการซื้อตัวในช่วงเดือนมกราคมที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าทั้งคู่จะประสบความสำเร็จในการค้าแข้งที่อังกฤษ แต่ช่วงเริ่มต้นนั้นก็ไม่ได้ง่ายเลย เอฟร่าประเดิมสนามในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ และก็ทำผลงานได้ไม่ดี จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ รวมถึงความเร็วและความแข็งแกร่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในพรีเมียร์ ลีก ซึ่งก็ต้องรอจนถึงกลางฤดูกาล กว่าที่ผู้มาใหม่ทั้ง 2 คนจะเริ่มกลมกลืนไปกับทีมได้
พอล สโคลส์ เคยเล่นกับทั้งคู่มานาน 7 ฤดูกาล และก็ยอมรับว่าเขาเคยสงสัยในคุณภาพฝีเท้าของทั้ง 2 คนอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งทุกอย่างได้ถูกแสดงให้เห็น แม้กระทั่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ไว้วางใจในตัวทั้งคู่เป็นอย่างมาก
“เมื่อปาทริซย้ายเข้ามา เราเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าผู้จัดการทีมไปเซ็นสัญญาเอานักแข่งม้ามาแทนที่จะเป็นนักฟุตบอลหรือเปล่า” สโคลส์กล่าวกับ The Independent เมื่อเร็วๆ นี้ “อย่างไรก็ตาม ด้วยบุคลิกที่เขาได้แสดงออกมา เรารู้เลยว่านี่เป็นคนที่ไม่ใช่เล่นๆ เขาดูมุ่งมั่นว่าจะกลายเป็นคนที่จะไม่ถูกลืมแน่นอนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขายืดอกและทำในสิ่งนั้นได้”
“ไม่ต่างอะไรเลยกับเนมานย่าตอนที่มาที่นี่ใหม่ๆ เขาดูผอม และทำบอลเสียง่ายมาก เขากับปาทริซต้องปรับตัวอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์แรกกับสโมสร ทั้งในสนามซ้อมและในเกมการแข่งขัน จากนั้นในปีต่อมา ทุกครั้งที่ผมเดินเข้าไปในโรงยิม ผมจะเห็นเนมานย่าออกกำลังด้วยการยกเวทอย่างขมักเขม้น เขากลายเป็นคนตัวใหญ่ เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟผู้แข็งแกร่งที่สามารถชนกองหน้าคนไหนก็ได้ให้ล้มไปพ้นๆ ทาง”
สำหรับปาทริซ เขาได้แสดงให้เห็นว่าต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาเคยบอกว่าได้เข้าไปซื้อดีวีดีที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมกาสโตร์ เพื่อทำการบ้านเป็นพิเศษ “ดีวีดีพวกนี้พูดถึงโศกนาฏกรรมที่มิวนิค, พูดถึงทีมชุดบัสบี้ เบบส์, พูดถึง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, จอร์จ เบสต์ และ เดนิส ลอว์, พูดถึง เอริก คันโตน่า” เขาเคยกล่าวเอาไว้เมื่อปี 2010 “มันเป็นเรื่องราวทั้งหมดของสโมสร คุณจะเห็นคนเหล่านี้อยู่ทั่วสโมสร ซึ่งผมก็อยากจะรู้จักว่าพวกเขาเป็นใคร หรือได้ทำอะไรมาบ้างกับสโมสร ทั้งหมดด้วยความเคารพ เมื่อคุณได้จับมือกับ เซอร์ บ็อบบี้ คุณจะสัมผัสได้ถึงความเป็นตำนาน ผมว่านักเตะหนุ่มๆ ทุกคนจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสโมสร”
การซื้อตัววิดิชและเอฟร่าในครั้งนั้นจึงกลายเป็นบรรทัดฐานของตลาดซื้อขายเดือนมกราคมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าเราล้วนอยากได้นักเตะระดับบิ๊กเนมเข้ามาด้วยค่าตัวมหาศาล แต่บางทีนักเตะที่ไม่ได้มีชื่อเสียงนักก็อาจจะเข้ามาช่วยพัฒนาทีมได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น มัตเตโอ ดาร์เมียน ฟูลแบ็คที่ย้ายมาจากโตริโน่เมื่อช่วงซัมเมอร์อย่างเหนือความคาดหมาย ข่าวของเขาเทียบไม่ได้เลยกับการซื้อตัว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ จากบาเยิร์น มิวนิค หรือการต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรของ ดาบิด เด เคอา ช่วงแรกอาจมีข้อสงสัยในฝีเท้าของเขาอยู่บ้าง แต่เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างรวดเร็วแล้วว่านี่คือนักเตะระดับท็อป แฟนๆ น่าจะชอบอะไรแบบนี้ เพราะมันได้แสดงให้เห็นถึงเครือข่ายแมวมองที่แข็งแกร่ง และเป็นอีกครั้งที่หนังสือพิมพ์ไม่ได้ระแคะระคายมาก่อนเลย
เดือนมกราคมนี้ แฟนๆ ต่างก็ตั้งใจที่จะดูว่าจะมีข่าวอะไรที่น่าตื่นเต้นบ้าง แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ต้องการคนที่เข้ามาช่วยทีมได้จริงๆ เท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการเฟ้นหาเอาในช่วงกลางฤดูกาล แต่คุณก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางทีอาจมีนักเตะอย่างวิดิชหรือเอฟร่าตบเท้าเข้ามาในวันใดสักวันหนึ่งก็ได้
SiR KeaNo
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC